วันนี้ขอพูดถึงไอ้เจหมาที่บ้านผมซักวันนะครับ
จะไม่พูดถึงมันก็คงไม่ได้ เพราะวันนี้มันตายไปซะแล้ว ตอนเช้าเลย แต่การไปของมันก็เป็นอะไรที่ไม่ผิดความคาดหมายมากนัก เพราะด้วยวัยขนาดนั้น อยู่ได้เท่านี่ ถือว่าพี่แกทนได้มากๆแล้ว
ไอ้เจเป็นสุนัขพันธุ์อาเซเชี่ยนอายุประมาณ 10-11 ปี รูปร่างหน้าตาดี แต่เสียทีเป็นหมาซิง (เกี่ยวมั๊ยเนี่ย ฮ่าๆ) นอกจากความซิงแล้ว ไอ้เจเป็นหมาที่ฉลาดใช่ย่อย แต่เสียอย่างที่อบรมยากฉิบหาย เพราะพูดอะไรไปก็ไม่ค่อยฟัง อิอิ
บ้านของผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เจเป็นหมาที่รัก รักเจ้าของมาก เดินออกจากบ้านเอาขยะไปทิ้งสิบวินาที พอเดินกลับเข้าบ้านมา เจจะยินดีกลับการกลับมาใหม่ของเรามาก ดังนั้นถ้าไปหนองคายซักสามสี่วันนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ ตอนขนของเข้าบ้านมันก็จะมาคอยช่วยเหลือโดยการตะกุยตะกายเราอย่างไม่มีหยุดหย่อน
ตอนสมัยก่อนที่เจยังคึกๆ นี่ผมจะออกจากบ้านลำบากมากครับ พอจะเดินออกจากบ้านไอ้เจก็จะมาคอยกระโดดใส่ ยิ่งวันฝนตกๆนี่ โอวว กระโดดใส่เสื้อนี่เลอะเลยครับ แน่นอนผมต้องกลับเข้าไปเปลี่ยนใหม่ตามระเบียบ
แต่เข้าใจว่านั่นเป็นธรรมชาติของสุนัขครับ ความซื่อสัตย์ความรักเจ้าของล้วนเป็นคุณสมบัติอันโดดเด่นของสัตว์เลี้ยงประเภทนี้ โดยเฉพาะกับไอ้เจ หมาใจดีตัวนี้ มีสองสิ่งนี้อย่างล้นปรี่ทีเดียว
เจเป็นสุนัขที่ฉลาดครับ ขนาดไม่มีใครสอนมันมันยังสามารถขับถ่ายเป็นที่ทางได้ พอเวลากินเสร็จปุ๊บ มันก็จะวิ่งไปอึ๊อีกด้านของบ้านที่เป็นสนามหญ้า ไม่มีการอึ๊ใส่พื้นปูนให้ตามเก็บให้น่ารำคาญ แต่เสียอย่างเดียว ไอ้เจกลัวน้ำมาก เวลาจะเอามันมาอาบน้ำทีนี่ยากลำบากเหลือเกิน ต้องล่อหลอกสารพัดกว่าเล่นเอาคนอาบหอบแดกเลยทีเดียว
นอกจากนั้นไอ้เจยังแสนรู้สามารถเล่นบาสเกตบอลกับผมได้ด้วย ที่บ้านผมมีแป้นบาสครับ ตอนเช้าๆ หรือไม่ก็เย็นๆ ถ้าเวลาเหมาะเจาะ ก็จะเล่นบาสฯกับไอ้เจ กติกาก็ไม่ยากครับ ถ้ามันแย่งได้เอาไปเลยหนึ่งแต้ม ถ้าผมชู้ตลงก็ได้หนึ่งแต้มเท่ากัน เล่นกันสิบลูกเกม แต่ส่วนมากไอ้เจกินผมไม่ลงหรอกครับ ไม่เคยเอาชนะผมได้เลย ฮ่าๆ (ก็มันเป็นหมานี่หว่า) อีกอย่างต้องระวังให้มากเลยครับ ถ้าโดนมันแย่งบอลไปได้นี่เสร็จแน่นอน มันกัดบอลพังมาหลายลูกแล้วเหมือนกัน
การใช้ชีวิตระหว่างครอบครัวของผมและไอ้เจก็ดำเนินไปเรื่อย ผันเปลี่ยนแปรไปตามกาลเวลาตั้งแต่ตอนมันเป็นหมาเด็ก จนกลายเป็นหมาหนุ่ม จากหมาหนุ่มกลายเป็นหมาแก่ และจากหมาแก่ก็ต้องกลายเป็นหมาตาย........
ที่อยากจะเล่าก็คือตอนช่วงบั้นปลายชีวิตของเจไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไรนัก สุนัขพันธุ์นี้ข้อเสียคือขาหลังจะไม่ค่อยแข็งแรงครับ (บ้านผมเรียกว่าขาแด้) ตอนเด็กๆไม่เป็นไร แต่พอเริ่มแก่ตัวมันเริ่มเดินแบบซะเงาะซะแงะแฮะ บำรุงอย่างไรก็ไม่ขึ้น แถมไอ้เจยังมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัวอีก จนหมอต้องบอกว่าไม่ให้มันออกกำลังกายหนัก ดังนั้นกีฬาบาสเกตบอลอันแสนโปรดของผมกับมันจึงต้องงดเว้นไปโดยปริยาย
สังขารของมันก็ร่วงโรยไปเรื่อยๆครับ จนพักหลังๆ มานี่มันเดินไม่ค่อยได้แล้วครับ ขาหลังหมดสภาพโดยสมบูรณ์ต้องคอยแต่พึ่งยาหัวใจของหมอเพื่อที่จะทำให้มันอยู่ได้ เพราะหมอเองก็บอกว่าจริงๆถ้าไม่ได้ยาหัวใจมากินนี่มันคงไปนานแล้ว ดูๆไปแล้วหมอก็คงพูดถูกครับ เพราะสภาพมันร่อแร่เหลือเกิน
แต่อาการของมันมีแต่ทรงกับทรุดครับ ตอนหลังมันถึงขนาดที่ว่าหมดเรี่ยวแรงไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้ และแล้วสิ่งที่น่ากลัวก็ตามมา นั่นคือไอ้เจเริ่มมีแผลกดทับครับ ลองได้เป็นแล้วไม่มีหายแน่ๆ
โดยเฉพาะตรงสะโพกแผลของมันมีแต่จะแย่ลงๆ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ดูแลไปตามอาการ ทุกวันๆผมกับน้องจะต้องคอยกลับข้างไอ้เจเช้าเย็น เพื่อสลับด้านแผลให้ขึ้นมาโดนอากาศมั่ง แน่นอนว่าเมื่อขยับเขยื้อนตัวไปไหนไม่ได้การขับถ่ายของมันก็ต้องกองมันอยู่ตรงนั้นแหละครับ ก็ต้องคอยเก็บขี้เก็บเยี่ยวมันไปตามสภาพ ตอนทำแผลก็แสนจะปลง เพราะแผลมันเหวอะมากเลยครับ เวลาจับพลิกบางทีหนองนี่ทะลักนองเลย ผ้ากอซหมดทีหลายแผ่นเหมือนกัน
แต่ไอ้เจเป็นหมาอดทนครับ มันไม่ยอมตายง่ายๆ ถ้าผมเป็นมันผมคงขอไปดีกว่า แต่นี่มันสามารถอยู่ในสภาพพะงาบๆแบบนั้นได้ร่วมปี ถือว่าทรหด ทรฮึดใช่ย่อยเลยทีเดียว ซึ่งคุยกับหมอและเพื่อนผมที่เป็นเรียนสัตวแพทย์มาก็ให้ความเห็นเดียวกันนั่นก็คือ อาการแบบนี้ยังไงก็มีแต่ทรงกับทรุดอยู่ที่มันแล้วล่ะว่าจะอยู่ได้นานขนาดไหน
จนมาช่วงเดือนนี้แหละครับที่มันเริ่มหมดแรงโดยสมบูรณ์ กล่าวคือไม่สามารถพยุงตัวเองขึ้นมานั่งได้เลย แผลกดทับตามตัวก็เริ่มมีมากขึ้น ผมก็ต้องคอยทำแผลมันเพิ่มไปอีก แต่ทำยังไงก็ไม่หาย มีแต่แผลใหม่ๆโผล่หมา ไอ้ตัวหมาเองก็เริ่มโรยราหมดแรงไปเรื่อยๆ ถึงขนาดต้องคอยพยุงป้อนข้าวป้อนน้ำมันเลยทีเดียว เพราะมันไม่สามารถที่จะกินเองได้แล้ว
บางทีผมก็คิดในใจว่าอยากจะให้มันไปเหมือนกัน เพราะเห็นมันแล้วทรมานแทนครับ แต่ไอ้เจก็อึดผิดคาด ยังไงมันก็ไม่ยอมไป เราคนที่แข็งแรงอยู่ก็ต้องคอยดูแลมัน แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าจริงๆแล้วผมไม่ใช่คนรักสัตว์อะไรมากมายนัก แต่ทำไงได้ครับ เราเอามันมาเลี้ยงแล้วก็ต้องดูแลรับผิดชอบให้เต็มที่ ซึ่งผมพูดได้เต็มปากเลยว่าพักหลังๆมานี่ผมค่อนข้างดูแลมันเยอะที่สุดเลยแฮะ เพราะผมเป็นคนว่างงานคนเดียวในบ้าน (ฮ่าๆ) พ่อแม่ไปทำงาน น้องไปเรียน น้องอีกคนก็ไปทำงาน เหลือผมอยู่บ้านคนเดียว เลยได้มีเวลาอยู่กับไอ้เจเยอะหน่อย
จริงๆแล้วก็เคยติดต่อทางโรงพยาบาลเหมือนกันว่ากรณีแบบนี้จะทำอย่างไรดี แต่หลังจากปรึกษาแล้วไม่ไหวครับ ทางโน้นแนะนำให้เอามันไปนอนในโรงพยาบาล ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลนี่ไม่เบาเลยทีเดียว บอกตามตรงเลยว่าที่บ้านผมไม่สามารถรับได้ไหวครับ สุดท้ายแล้วจึงต้องกลับมาใช้แนวเดิมก็คือดูแลกันเองต่อไป
เมื่อคืนถือได้ว่าเป็นจุดไคลแมกซ์ในชีวิตไอ้เจเลยทีเดียว พอกินข้าวเสร็จไปตามปกติ ซักพักมันอาเจียนออกมาหมดเลยครับ จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีอาการแบบนี้แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก แต่นี่เริ่มผิดปกติตรงที่ว่ามันอาเจียนออกมาอีกครั้งครับ แต่สำหรับผมเองก็มองว่ามันก็คงใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ ร่างกายเริ่มไม่รับอาหารเข้าไปแล้ว
แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เพราะเมื่อเช้าแม่ผมไปปลุกขึ้นมาบอกว่าไอ้เจนอนนิ่งเลย ออกไปดูก็เลยได้ความว่ามันตายเสียแล้ว เมื่อเช้านี่เองครับ สดๆร้อนๆ ก็ถือว่ามันได้ไปดีแล้วล่ะครับ เกิดชาติหน้าภพหน้าก็ขอให้มาเจอกันอีกละกัน หลังจากนั้นก็จัดแจงช่วยกันขุดหลุมฝังมันเสีย
หลังจากนี้ก็อาจจะไปทำบุญให้มันนิดหน่อย อุทิศส่วนกุศลให้มัน ซึ่งการไปของไอ้เจแม้ผมจะไม่ได้ร้องไห้เลยซักแหมะ แต่วันนี้ก็รู้สึกเหงาๆแฮะ บ้านตอนไม่มีมันนอนเกะกะอยู่ดูโล่งๆชอบกล อย่างว่าแหละครับมันอยู่กับบ้านเรามานับสิบปี พอไม่มีมัน ก็ต้องเหงากันพอสมควร ซึ่งนอกจากผมแล้ว แม่กับน้องก็บ่นอารมณ์ประมาณเดียวกันนี่แหละ
แต่ถึงมันจะไปแล้ว มันก็ได้ทิ้งบทเรียนสำคัญเอาไว้ให้ผมครับ คนเราเกิดมา จะเป็นคนหรือหมาก็ช่าง ชีวิตนึงเราต้องอดทนครับ ดูตัวอย่างไอ้เจ ที่แม้นว่าเผชิญโรคภัยคุกคาม สังขารไม่ให้ แต่ก็ยังสามารถอดทนทรหดอยู่มาได้นานนับสิบปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่นานมากสำหรับหมา
ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับมันมีเล่นกันบ้าง มีด่ามันบ้าง รำคาญมันบ้าง ขนาดตอนมันร่อแร่ยังสามารถสร้างความป่วนได้เลยครับ บางทีเอาขาตะกายไอ้โน่นไอ้นี่หกเลอะเทอะ ไม่เบาจริงๆ หมาตัวนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์แบบไหนพอย้อนกลับไปคิดมันทำให้เราได้รู้เลยว่า ณ ตอนนี้ครอบครัวเราขาดสีสันสำคัญไปเสียแล้ว........
นอกจากบทเรียนเรื่องความอดทนสู้ชีวิต การที่เราได้เห็นการตายของมันทำให้เรารับรู้ถึงความเป็นไปของสัตว์โลกทั้งมวล เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีวงจรนี้ไปได้อย่างแน่นอน เมื่อคิดได้แบบนี้มันก็ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีสติ รู้จักอยู่อย่างมีคุณค่า มีความสุขอย่างพอประมาณ เพราะตายไปสุดท้ายก็โดนเผาโดนฝัง ก็เท่านั้น
สุดท้ายนี้ขอแผ่เมตตาให้กับไอ้เจ หมาพันธุ์ฮาร์ด โคตรฮึด ให้มันได้ไปสูสุขคติ ไปที่ชอบๆ สำหรับช่วงเวลาสิบปีที่อยู่ด้วยกับมากูจะไม่ลืมมึงเลยเว้ย
ลาก่อน ไอ้เจ....ยอดสุนัขพันธุ์ทรฮึด!!!