Thursday, August 17, 2006

ลูกเด้งสะท้านปฐพี









ช่วงนี้ blog ผมชักออกนอกลู่นอกทางเข้าทุกวัน แต่ละตอนนี่หาสาระไม่ได้เลย ฮ่าๆ

วันนี้เห็นหัวเรื่องแล้วก็คงเดากันไม่อยาก ซึ่งก็คือกีฬา “เทเบิลเทนนิส”หรือ “ปิงปอง” นั่นเอง สำหรับใครเดาไว้ว่าเป็นเปตองขอแนะนำให้ไปเข้าวัดทำบุญ อุทิศส่วนกุศลซะ เผื่อสมองจะได้โล่งปรอดโปร่งซะบ้าง

สำหรับผมเองก็เล่นปิงปองมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับ ถ้าจำไม่ผิดก็คงได้เริ่มเล่นตอนมัธยมหนึ่ง เพราะว่าวิชากีฬาที่เรียนเป็นวิชาแรกของมัธยมก็คือปิงปอง เลยได้เริ่มลองเล่น พอลองเล่นแล้วหยุดไม่ได้เลยครับ สมัยก่อนนี่พอเลิกเรียนปุ๊บก็ต้องรีบวิ่งไปจองโต๊ะปิงปอง เล่นกันจนถึงหกโมงทุ่มนึงจึงจะสาแก่ใจเล่นเอากลับบ้านเย็นย่ำกันทุกวัน

ถือได้ว่าตอนช่วงที่อยู่มัธยมต้น ปิงปองนี่เป็นกีฬาฮอตฮิตประจำของผมเลยทีเดียว ไม้ปิงปองนี่เป็นอุปกรณ์หลักที่ขาดไม่ได้ ต้องคอยพกไปเรียนตลอด หนังสือเรียนนี่ลืมประจำ แต่ไม้ปิงปองนี่ไม่เคยที่จะลืมเล้ยยย

ฝีไม้ลายมือของผมก็ธรรมดานะ แต่ถือว่าเล่นพอเอาสนุกได้ก็แล้วกัน เคยเอาจริงเอาจังถึงกับเป็นนักกีฬาโรงเรียนตอนม.ต้น เคยแข่งขันจนได้ที่ 3 ของโรงเรียน อย่างไรก็ตามโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกินเล่นเก่งในโรงเรียนใช่ว่าจะต้องเก่งที่อื่นด้วย ไปแข่งข้างนอกที่ไหนก็แพ้เขาหมดแหละครับ การที่จะเล่นกีฬาให้เอาดีได้นี่มันยากจริงๆ ดังนั้นเล่นเอาขำ เอาสนุกดีกว่า อิอิ

แต่ที่วันนี้นึกคึกอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับปิงปองขึ้นมาก็เพราะว่าเมื่อวันแม่ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสได้ดูเทปบันทึกภาพการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกในประเภททีมจากเมืองเบรเมน (Bremen) ประเทศเยอรมันนีครับ ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่างทีมจีนและทีมเยอรมันนี ตอนผมเปิดทีวีไปก็ถึงคู่ตัดสินแล้วล่ะครับ แต่โชคดีเหลือเกิน เพราะ match ที่พอดีเปิดไปดูนั้นถือได้ว่าเป็น match หยุดโลกเลย เพราะเป็นการเจอกันระหว่างมือวางอันดับ1 และ 2 ของโลกครับ เล่นเอาผมตื่นเต้นเลยทีเดียว

ซึ่งในตอนนี้มือวางอันดับหนึ่งของโลกก็คือคนที่อยู่ในภาพบนสุดสองภาพแรกมีชื่อว่า หวัง ลี่ ชิน (Wang Liqin) และมือวางที่สองของโลกก็คือสองภาพล่างถัดมาก็คือ ทีโม โบล (Boll, Timo) โดยที่ทั้งสองนี่สติ แพ้-ชนะ ถือว่าสูสีกันมาก (ฟังจากน้าติงผู้บรรยายเอา) ยากที่จะแบ่งฝีมือเด็ดขาดแน่ชัด เอาเป็นว่าถ้าสองคนนี้เจอกันเมื่อไหร่เป็นคู่หยุดโลกแน่นอน

และเป็นจริงดังคาดครับ คู่นี้ซัดกันมันส์หยดเล่นกันไม่ลืมหูลืมตา ในสายตาผมมองว่าสองคนนี้เล่นค่อนข้างสไตล์เดียวกันนะครับ กล่าวคือเป็นพวกเล่นรุกหนักรุกเร็วทั้งคู่ ดังนั้นพอข้างใดสบโอกาสนี่ต้องมีลิงลูกเด็ดๆให้เห็นตลอด

ก่อนที่จะกลับมาสู่เกม ไหนๆเราก็น่าจะเพิ่มความรู้ให้กับท่านผู้อ่านเสียหน่อย จริงๆแล้วถ้าเราจะแบ่งประเภทลักษณะการเล่นเทเบิลเทนนิสอาจจะแบ่งได้สองแบบใหญ่ๆ โดยจะมีพวกที่เน้นรุกเป็นหลักโดยพวกนี้จะมีลักษณะพิเศษก็คือจะเน้นลูกตบเร็ว ยิงลูกแบบเร็วๆแรงๆ หรือไม่ก็มีลูกโฉบเข้ามาทำหน้าเนทเป็นลูกเด็ด อีกแบบก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นไดร์ฟแมน กล่าวคือจะเน้นการตีลูกทอปสปิน รุกด้วยการปั่นทอปสปินใส่คู่ต่อสู้

ส่วนพวกเน้นรับนี่ก็เป็นพวกคัตแมนครับ จะเน้นตัดลูกหรือบลอคลูกให้คู่ต่อสู้แพ้ภัยตัวเอง พวกนี้จะเน้นลูกตัด ลูกปั่นคมๆ ถ้าวันไหนตัดดี พวกรุกหนักๆก็ตีไม่ขึ้นเหมือนกัน ในที่สุดก็จะตีเสียเอง หรือแม้จะตีลงก็จะบังคับทิศทางได้ไม่ดีนัก ทำให้เกมตกเป็นของฝ่ายรับได้

แต่เท่าที่ดูผ่านๆ ปิงปองสมัยใหม่แบบทุกวันนี้ลีลาการเล่นไม่ตายตัวครับ มีการรับหรือรุกหลายๆแบบผสมกันไป อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าในรูปแบผสมนั้นแต่ละคนย่อมมีสไตล์เด่นเฉพาะเป็นของตัวเอง เช่นกรณี หวัง ลี่ ชิน และ ทีโม โบ บอกได้เลยว่าใส่กันอย่างเดียวไม่ยั้ง ตบได้เป็นอัด ถ้าทอปสปินก็เล่นดึงลูกขึ้นกันสุดตัว

กลับมาที่คู่เอกของเราต่อ สองคนนี้เล่นกันมันส์หยดเลยครับ เท่าที่ดูคิดว่า หวัง ลี่ ชิน จะเป็นต่อเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ทีโม โบล เองก็ไม่เคยให้แต้มห่างเกินสองแต้มเลยซักครั้ง พูดได้ว่าไล่บี้ไปตลอด ถึงแม้มึงจะชนะก็อย่าชนะไปง่ายๆละกัน ซึ่ง match ที่ทั้งคู่เล่นกันเป็น match ตัดสินชิงชนะเลิศของโลกเลยครับ โดยใช้กติกาก็คือแข่งเป็นเซตๆละ 11 ลูกเกม ผลัดกันเสิร์ฟคนละสองลูก ใครได้สามเซตก่อนผู้นั้นก็จะชนะเลิศทันที

สถานการ์ของ ทีโม โบล ค่อนข้างลำบากครับ เพราะปล่อยให้ หวัง ลี่ ชินทำเกมนำไปก่อนถึง 2-0 เซต เท่าที่สังเกตดูผมคิดว่าวันนี้ ทีโม โบล ตีแบกแฮนด์ (หรือลูกหลังมือ) บอดมาก อีกทั้งหวัง ลี่ ชินใช้กลยุทธ์ยิงลูกเข้าใส่ตัว ทีโม โบล ทำเอาแก้เกมกันไม่ทันเลย

ทีโม โบล เองก็ใช่ย่อยครับ แม้การตีแบกแฮนด์จะมีบอดบ้าง แต่ในเกมรุกเค้าก็ยังทำได้ดีครับ ลูกทอปสปินแบกแฮนด์ ฟอร์แฮนด์ ก็ยังทำได้ดีครับ พยายามที่จะรุก หวัง ลี่ ชิน กลับตลอด ซึ่งก็ได้ผลครับ เพราะในเซตที่สาม สุดท้ายแล้ว ทีโม โบล ก็สามารถไล่มาเป็น 2-1 เซต จนได้ พับผ่าดิ ไม่ยอมแพ้ให้กันจริงๆ

จนมาถึงเซตที่สี่ เกมยิ่งเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ ต่างคนถ้ามีโอกาสก็จะรีบรุกใส่กันทันที ความมุ่งมั่นนี่สุดฤทธิ์มากครับ ถ้าสมมติใครได้แต่ละแต้มก็จะมีการตะโกน เย้ ย้า เอ้วว แถมด้วยแอคชั่นที่แสนจะสะใจแบบสุด ส่วนคนแพ้ก็จะแบบว่ามีเสียงครวญครางและแอคชั่นแบบเซ็งสุดๆเหมือนกัน

จุดพลิกผันของเกมอยู่ที่เซตที่ 4 ครับ สำหรับวันนั้นถ้าใครดูเหมือนผมคงพูดได้คำเดียวเลยว่าสุดยอด สุดยอด สุดยอดจริงๆ ผมเชื่อว่าปิงปองก็เหมือนกับกีฬาหลายๆประเภท ไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ เทนนิส บาสเก็ตบอล ที่จะต้องมี play สำคัญที่เปลี่ยนกระแสของเกม ซึ่งวันนั้น play สำคัญที่เปลี่ยนกระแสของเกมให้มาอยู่ทาง หวัง ลี่ ชิน เป็น play ที่สุดยอดมาก (ถ้าจำไม่ผิด) เริ่มจากการเสิร์ฟของ ทีโม โบล ก่อน เสร็จแล้ว หวัง ลี่ ชิน สไลด์ลูกกลับ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ ทีโม โบล รุกเร็วทันที ทำเอา หวัง ลี่ ชิน ตั้งตัวไม่ทันรับลูกส่งกลับไปซะสูง เป็นการเปิดโอกาสให้ ทีโม โบล ตบ ใส่อย่างไม่ยั้งเลย

แต่ความมันส์อยู่ตรงที่ตบไปเท่าไร หวัง ลี่ ชิน ไม่ยอมตายครับ ลูกแรกก็แล้ว ลูกที่สองก็แล้ว ลูกที่สามซ้ำเข้าไปอีกก็ไม่ยักตาย play นั้น ลี่ ชิน เหนียวมากครับ ถอยออกไปจนสุดเขตที่กั้นเลย แล้วคอยตั้งรับลูกตบ โดยแต่ละลูกที่ ทีโม โบล ซัดไปนี่ไม่ใช่ธรรมดานะครับ ต้องรับกันสุดตัวเลย มีลูกนึง ลี่ ชิน ถึงกับต้องก้มลงไปเกือบถึงพื้นเลยทีเดียว เอื้อมกันสุดๆไปเลย แต่ก็ยังรับได้ สุดยอดจริงๆ พับผ่าดิ

Play นั้นเล่นกันสนุกมากครับ คนดูทั้งสนามนี่เงียบกริบ ผมเองก็ถึงกับหยุดหายใจเลยทีเดียว เพราะลุ้นกันตัวโก่ง และชื่นชมในฝีมือที่เก่งกาจของทั้งคู่มาก คิดว่าถ้าไม่ใช่ระดับโลกเราคงไม่ได้เห็น play เด็ดๆแบบนี้แน่นอน

ถ้าจำไม่ผิด play นั้นตบกัน 6-7 ลูกได้ครับ โดยที่ หวัง ลี่ ชิน ตั้งรับ ทีโม โบล ซัดอย่างเดียว จนมาถึงลูกสุดท้าย ทีโม โบล ต้องการตบเปลี่ยนทาง แต่ลูกดันติดตาข่ายซะนี่ หลังจากนั้นเล่นเอาเค้าเป๋ไปเลย ตบออกตบเสีย ในที่สุดก็ต้องพ่ายไป

พูดง่ายๆเลยว่า play ดังกล่าวเป็นตัวกำหนดกระแสของเกมอย่างแท้จริง เพราะเล่นสูสีมาตลอด พอหลังจากลูกนั้นปุ๊บ คนที่ได้คะแนนนั้นไป กลายเป็นฝ่ายคุมเกมทันที ส่วนคนที่เสียคะแนนก็เป๋เล่นไม่ออกเลยทีเดียว

คำถามสำคัญที่หลายๆคนมักจะถามเวลาผมเล่าให้ฟังก็คือ ทำไมไอ้คนที่ตบมันไม่หยอดเปลี่ยนทางซะหละวะ ง่ายกว่าเยอะเลย ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นนะ แต่ลองคิดดูอีกที ฝีมือระดับโลก การจะตีลูก ฟลิค (การเคาะลูกเบาๆให้ตกอยู่หน้าเนท) เป็นการเสี่ยงมาก เพราะด้วยการอ่านเกมของฝ่ายตรงข้ามและ step ขาอันรวดเร็ว ผมคิดว่า ฝ่ายที่เคาะหยอดไปอาจจะโดนโฉบมากินเสียคะแนนเอาง่ายๆนะนั่น และอีกอย่างก็คือ การเล่นลูกฟลิค ก็ส่อถึงความไม่มั่นใจในตัวเองด้วยอะนะ ไหนๆจะรุกแล้วก็ซัดตบไปเล้ย มานั่งเคาะเบาๆให้เสียฟีลลิ่งทำไม ฮ่าๆ

ที่เขียนมาซะยื่นยาวก็แค่ต้องการจะบ่นความสุดยอดของเกมการเล่นระดับโลกให้ฟังเฉยๆแหละครับ ไม่มีอะไร และอีกอย่างผมคิดว่าคนที่สนใจกีฬานี้ในบ้านเราอาจจะน้อยอยู่ เลยขอเขียนซะหน่อยเผื่อจะกระตุ้นความสนใจของ เราๆท่านๆ ขึ้นมาได้บ้าง

การดูกีฬาก็ดีครับ ทำให้เราบันเทิง แถมขนลุกซู่เป็นพักๆ แต่ผมว่ามันจะดีกว่าถ้าเราเล่นมันจริงๆ กีฬาทุกชนิดผมว่ามีประโยชน์หมดแหละครับ ใครชอบอะไรก็เล่นอันนั้น ได้ออกกำลังกาย ได้เพื่อน แถมมีความสุข ส่วนใครที่อยากไปเล่นปิงปองกับผมก็ติดต่อมาได้เลยนะครับ ยินดี ยินดี

ป.ล.

สำหรับที่อยากดู World Ranking ของปิงปองเข้าไปตาม link นี้เลยครับ ไม่มีคนไทยติดอันดับซักคน เหอ เหอ

Monday, August 07, 2006

เปิดศาล!!!


เวยยยยยยยยยยย์.........หูววว.....วูววววววววว
(ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง)

เที่ยวนี้ blog ผมมามาดใหม่ครับ มีเพลงประกอบด้วย ซึ่งก็เป็นเพลงที่ทุกท่านคงรู้จักกันดี นั่นก็คือเพลง title ละครเรื่อง “เปาบุ้นจิ้น” นั่นเอง

จริงๆ blog ตอนนี้จ้องจะเขียนอยู่นานแล้วครับ แต่ติดปัญหาเรื่องทักษะทางคอมพิวเตอร์ที่ห่วยเกินไป ไม่มีความสามารถพอที่จะเอาเพลงลง blog ได้ ทำให้เสียเวลาไปพอสมควรทีเดียว เพราะต้องเที่ยวรบกวนเพื่อนฝูงหลายๆเรื่อง ไหนจะหาเพลงให้หน่อย ไหนจะให้ช่วยสอนวิธีแปะเพลง ซึ่งสุดท้ายแล้ว ไปๆมาๆ ผมไม่ต้องทำอะไรเลยครับ เหอ เหอ เพลงก็มีคนหาให้ html code ก็มีเพื่อนทำให้ สมกับเป็นกาฝากของสังคมจริงๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้เครดิตกับน้อง pomperboy และคุณ kaiisian ที่อุตส่าห์ช่วยหาเพลง และทำ code แปะเพลงลง blog ให้ตามลำดับ อยากจะบอกว่าทั้งสองคนไม่ต้องห่วงนะ รับรองว่าเที่ยวหน้ามีรบกวนอีกแน่ๆ (ไม่คิดจะทำอะไรเองอยู่แล้ว ฮ่าๆ)

เกริ่นมาซะย้วยเชียว ว่าแล้วต้องรีบวกกลับมาประเด็นหลักของตอนนี้ก่อน นั่นก็คือเรื่องท่านเปาของเรานี่เอง อิอิ ถ้าผมจำไม่ผิดเคยดูครั้งแรกตอนอยู่ ม.1 มั๊ง หากจะนับปีดูแล้ว โอวววว ช่างมันเหอะเนอะ ของแบบนี้ไม่ถึงแก่ชีวา เราก็คงไม่อยากจะพูดกันเนาะ

ตอนสมัยเด็กๆที่ดูผมก็ติดท่านเปามากครับ อีกทั้งตอนนั้นมีทีวีอยู่ในห้องด้วยครับพี่น้อง เลยมีโอกาสได้ดูท่านเปาเกือบจะทุกตอน แต่มาทุกวันนี้ความจำของผมที่มีต่อท่านเปาค่อนข้างลางเลือนไปแล้ว จึงเป็นโอกาสดีมากเลยที่ช่อง 3 ได้เอากลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ตอนผมรู้นี่ตื่นเต้นมากๆเลย แบบวันแรกรีบมานั่งเฝ้าหน้าทีวี อารมณ์ประมาณว่า กลัวพลาดฉากเปิดตัว (อะไรมันจะเห่อขนาดนั้นวะ)

ดังนั้นตั้งแต่ตอนแรกที่ช่อง 3 ฉายผมพลาดนับครั้งได้เลยครับ ถ้ามีธุระไปที่ไหนก็นะ ต้องรีบกลับมาให้ทัน 4 โมงครึ่ง หรือตอนเย็นจะออกไปไหนก็ต้องหลัง 5 โมงครึ่ง เล่นเอาเพื่อนๆ บ่นกันเป็นแถวว่ามึงจะเห่อ เชี่ยอะไรนักหนาวะ

แต่ไม่เห่อ ไม่ได้จริงๆครับท่าน แม้ละครชุดเรื่องนี้จะทุนต่ำ แต่ผมว่าการวางตัวแสดงทำได้ดีมาก คนเล่นเป็นท่านเปาก็สมบทบาทเหลือเกิน ดูน่าเกรงขาม บุคลิกเด็ดเดี่ยวเด็ดขาด องครักษ์จั่นก็เท่เหลือเกิ๊น เล่นเอาสาวๆ (เมื่อตอนนั้น) กรี๊ดกันสลบทั้งเมืองไปแล้ว ท่านกงซุนนี่ก็ใช่ย่อยมาดสุขุมนุ่มลึกแถมมีแอบหัวเส อีกทั้งสิ่งที่เจ๋งสำหรับละครชุดนี้ก็คือบทสนทนาครับ การสนทนาโต้ตอบกันระหว่างตัวละครในบางฉากนี่เล่นเอาผมอึ้งไปเลย มันเป็นการพูดคุยระหว่างยอดคนดีแท้ ฟังแล้วถึงกับกำซาบ สะท้านทรวง ขนลุกเลยทีเดียว เช่นในตอนสับเปลี่ยนองค์ชาย ตอนที่ฮ่องเต้ ถามท่านเปาว่าจะเอายังไงต่อสำหรับคดีนี้

ฮ่องเต้ :
“อืออ...มมม ท่านเปา สำหรับคดีนี้ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ ?”
ท่านเปา :
“ทูลฝ่าบาท…...คืนแม่ให้ลูก คืนลูกให้แม่ คืนไทเฮาให้แผ่นดิน ให้ใต้หล้ามีความเป็นธรรม!!”

โอววว เชดแม่ โคตรเท่ ฟังแล้วมันซ่านทรวงดีจริงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องชมเหล่าทีพากษ์ด้วยที่พากษ์ได้มีจังหวะจากโคน เค้นกันถึงกึ๋น ได้อารมณ์ดี จริงๆ น่าเสียดายที่จำชื่อคนที่พากษ์เป็นท่านเปาไม่ได้ ถึงแม้จะจำไม่ได้ แต่ผมก็ขอคารวะจากใจจริงเลยว่าท่านแน่มาก

มาอีกเรื่องก็คือการ production ครับ หนังเรื่องนี้ทุนต่ำจริงๆพับผ่า (ทุนเท่าไหร่ไม่รู้แต่ในสายตาผม มันคงต่ำจริงๆอะ ฉากหลังนี่อย่างกระจ่วย อารมณ์ประมาณฉากหลังที่พวกสามช่า ชิงร้อยชิงล้านเล่นตลกกันอะ ฮ่า) แต่ถึงจะต่ำอย่างไร มันก็คลาสสิกเนอะ แถมตัวละครนี่ก็เล่นวนเวียนกันไปมา ตอนนี้ไอ้นี่เล่นเป็นตายโกง พอมาอีกตอนอ้าว เล่นเป็นคนดีซะงั้น ตอนที่แล้วเจ๊เล่นเป็นสาวสวยสะพรั่งเลย อีกตอนเล่นเป็นยายแก่ซะงั้น สงสัยทีมตัวครคงอัตคัดน่าดู แล้วสังเกตอีกอย่างครับ องครักษ์จั่นมักจะไม่ค่อยออก โดยเฉพาะฉากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล คงประมาณว่า จะไม่คุ้มถ้าเอาพี่แกมายืนเฉยๆ สงสัยค่าตัวแพง

ว่าแล้วพูดถึงคนโน้นคนนี้ ผมเลยขอวิสาสะแนะนำตัวละครหลัก ในแบบของผมเองเลยดีกว่า

1."เปาบุ้นจิ้น” หรือท่านเปาของเรานี่เอง

เทพแห่งความยุติธรรม ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เว้นหน้าใคร บุคลิกเฉียบขาดน่าเกรงขาม แต่ซ่อนจิตใจอันเมตตาไว้ภายใน จริงๆผมคิดว่าท่านเปาออกจะแนวขี้สงสารเสียด้วยซ้ำ หากแต่ว่าหน้ามันดุ อันนี้ต้องสังเกตจากข้างในดีๆ ท่านเปามีมุกเด็ดอยู่มุกนึงครับ ท่านชอบแกล้งคนที่มีร้องทุกข์ อารมณ์แบบว่า “บังอาจ!! เจ้ากำลังจะฟ้องร้องใครอยู่ เจ้ารู้มั๊ย” ที่แกล้งก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เหมือนท่านเปาอยากจะเชคอยู่เฉยๆว่าไอ้นี่มันมาไม้ไหนวะ ฟ้องจริง ฟ้องปลอม ฟ้องเล่นหรือเปล่า

และอีกเรื่องที่น่านับถือคือท่านเปาเป็นคนติดดิน เที่ยวหน้าลองถ้ามีโอกาส ลองดูที่จวนท่านเปาให้ดีๆ จะไม่ค่อยมีเครื่องประดับครับ โทนสีจะออกแนวน้ำตาลๆ ทึมๆ หน่อย บ่าวไพร่ พ่อบ้านก็ไม่มี มีแต่ท่านกงซุนคอยยกน้ำชาอยู่เป็นเพื่อน อีกทั้งท่านเปายังไม่ยึดติดลาภ ยศ บรรดาศักดิ์ครับ ตอนที่ท่านเปาโดนยอดยศจะกลับบ้านเกิด เอาของไปขายยังได้ไม่กี่เงินเลย สมเป็นขุนนางตงฉินจริงๆ ไม่โกงไม่กิน ไม่เป็นเกย์ด้วย (รึเปล่า ฮ่าๆ) ไม่ยึดติดลาภยศ แต่สิ่งที่ท่านเปายึดติดมากก็คือคุณธรรมนั่นเอง ดังประโยคเด็ดที่ท่านเปาพูดตอนโดนถอดจากตำแหน่งที่บอกว่า “ศาลไคฟง ขาดข้าได้ แต่ขาดคุณธรรมไม่ได้!! “

ด้วยคุณธรรมแลบะจิตใจอันดีงามนี่เองทำให้ท่านเปาเป็นที่รักของลูกน้องที่คอยภักดีและพร้อมยอมตายแทนตัวได้ อืม.....พูดได้คำเดียวสั้นๆว่า สมเป็นยอดคน.....

2.องครักษ์จั่นเจา

ฉายาตอนเป็นตอนท่องยุทธภพคือ “จอมยุทธ์แห่งแดนใต้” ฉายาที่ราชสำนักตั้งให้คือ “แมวหลวง” เดิมทีเป็นองค์รักษ์ขั้น 3 ที่คอยพิทักษ์วัง แต่ตอนหลังฮ่องเต้ทรงโปรดให้มาช่วยงานท่านเปา ซึ่งก็ช่วยได้เยอะเลยทีเดียว เพราะว่าวรยุทธล้ำเลิศ อีกทั้งวิชาตัวเบาไม่ธรรมดา คอยช่วยงานท่านเปา สืบเสาะหาข่าวสารต่างๆ อีกทั้งยังคอยทำหน้าที่เป็นหัวหน้ามือปราบศาลไคฟง ปกป้องใต้เท้าเปาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือคนโฉด

แน่นอนว่าสำหรับอุปนิสัยส่วนองครักษ์เป็นคนที่รักความยุติธรรมครับ แถมค่อนข้างทันคนอีก ฉากที่ท่านเปาใช้ความคิดกับท่านกงซุน มักจะมีองครักษ์จั่นช่วยแชร์ไอเดียเสมอๆ อืม....ได้ทั้งบู่ทั้งบุ๋น แถมเท่อีก จั่นเจานายนี่ไม่เบาเลยจริงๆ

3. ท่านกงซุน

ชื่อเต็มๆก็คือ กงซุน เช่อ เป็นบัณฑิตที่รอบรู้ เชี่ยวชาญศาสตร์หลายแขนง กล่าวได้ว่าเป็นเลขาที่โคตรจะสารพัดประโยชน์ ถ้าจะให้สาธยายให้ฟังก็เอาตั้งแต่ ท่านกงซุนสามารถดูฤกษ์ยามได้ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์หาตัวจับยากคนหนึ่งเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอท่านกงซุนยังเชี่ยวชาญการแพทย์ ใครเจ็บป่วยไข้ ท่านกงซุนรักษาได้ (หายไม่หายก็อีกเรื่องนึง ฮ่า) นอกจากรักษาคนได้ ท่านกงซุนยังเล่นคุณไสยฯได้อีก ถ้าผมจำไม่ผิด มีตอนนึงที่เกี่ยวกับคดี ผีๆวิญญาณอะไรซักอย่าง ท่านกงซุนนี่เท่มาก มีการใช้ยันต์แปะสะกดฤทธิ์ผีอีก แต่ยังไม่หมดเท่านี้ครับ นอกจากคุณไสยฯแล้ว ท่านกงซุนยังเชี่ยวชาญพิชัยยุทธ์ การวางค่ายกล ถ้าผมจำไม่ผิด (อีกแล้ว) มีตอนนึงที่พวกเท่าเปากลับไปที่หมู่บ้านท่านกงซุน แล้วไปติดค่ายกล ก็ได้ท่านกลซุนนี่แหละคอยบอกวิธีการแก้ค่ายกลให้ อืม.....คนอะไรวะ เป็นหมดทุกอย่าง แต่เท่านั้นยังไม่พอ บางตอนเราจะเห็นเลยว่าพอท่านเปาตรวจทานคำให้การของเจ้าทุกเสร็จปุ๊บก็จะบอกท่านกงซุนว่า “ท่านกงซุน ช่วยเอาไปวาดรูปติดประกาศที” โอวว ท่านกงซุนยังติสอีก วาดรูปได้ด้วย

นอกจากนั้นความหัวเส นี่ไม่เป็นรองใคร พี่แกแม่งจะมีแผนตลอดอะ แผนหนึ่งไม่ได้ มีอีกแผน ผมเคยคิดนะ ถ้าไอ้นี่เป็นตัวโกงคงปวดกบาลน่าดู อย่างไรก็ตามเปาบุ้นจิ้นนี่ก็ได้ท่านกงซุนนี่แหละครับ คอยช่วยเหลือสนับสนุน แถมยังเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ศาลเพราะจะเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา อิอิ

4.มือปราบทั้งสี่แห่งศาลไคฟง ประกอบด้วย

หวังฉาว หัวหน้ามือปราบ ปัญญาเฉียบแหลม ฝีมือเป็นหนึ่ง (ในบรรดา 4 คนนะ อิอิ)
หม่าฮั่น อดีตนักเลงกลับใจ เนื้อแท้เป็นคนดี ได้ท่านเปาคอยอุ้มชู กตัญญูรู้คุณ
จางหลง มือปราบเถื่อน พูดจาโผงผาง ภายนอกหยาบกร้าน แต่ข้างในเปี่ยมคุณธรรม
เจ้าหู่ อดีตเคยถูกหลอกให้ทำผิดกฏหมาย เป็นมือปราบปากหนัก พูดน้อยแต่จริงใจ

ถ้าจะว่ากันตรงๆแล้ว ทั้งสี่คนนี้จะมีบทบาทมากก็ใช่เพราะโผล่บ่อย แต่มองอีกมุมหนึ่งก็โผล่มาเหมือนเติมให้เต็มฉาก (แซวเล่นนะพี่มือปราบทั้งสี่อย่าโกรธผมเลย) สำหรับฝีไม้ลายมือของทั้งสี่นี้ไม่ต้องพูดถึง ห่างชั้นกับองครักษ์จั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังพอเก่งกว่าพวกตัวกระจ่วยอยู่หลายขุมหนึ่ง จากการประมาณของผมดูแล้วคิดว่า สี่คนนี้ถ้าหากตั้งค่ายกลต่อสู้พร้อมกันจะได้เท่ากับจอมยุทธ์ดีๆซักคนหนึ่ง ฮ่าๆ

แต่สำหรับสี่คนนี้เรื่องฝีมือมันเรื่องรองครับ เรื่องหลักคือใจมากกว่า เพราะทั้งสี่ล้วนรักท่านเปาหมดหัวใจ ขนาดที่ว่าถ้าท่านเปาออกจากตำแหน่ง กูไปด้วย ถ้าท่านเปาอยู่ในอันตรายกูสู้ตาย (แม้จะสู้ไม่ได้) ความจงรักภักดีนี่สุดยอด บอกได้เลยว่ามือปราบทั้งสี่นี้ถือเป็นสีสันของละครเปาบุ้นจิ้นเลยทีเดียวครับพี่น้อง

5.อำมาตย์หวัง

มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า image ของท่านอำมาตย์คือลุงแก่ใจดี นอกจากใจดีแล้วยังเป็นขุนนางตงฉินอีกคนหนึ่ง รักความยุติธรรม ถือได้ว่าเป็นเพื่อนซี้อีกคนของท่านเปา โดยที่ท่านอำมาตย์ก็คอยช่วยเหลือท่านเปาในหลายๆเรื่อง เพราะเส้นแกดีเหลือเกิน

6.อ๋องแปด

มาตอนแรกเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับท่านเปา แต่ไปๆมาๆ ก็กลายเป็นเพื่อนซี้ท่านเปาอีกคนหนึ่ง ถ้าจะบอกกันตรงๆก็เป็นคนที่ไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่ (เมียฉลาดกว่า อิอิ) แต่ก็เป็นอีกคนที่คอยสนับสนุนท่านเปา

7.ราชครูผัง

คู้แค้นตลอดกาลของท่านเปา ตอนนี้ยังไม่โผล่ ใจเย็นๆเดี๋ยวได้เจอแน่ครับ คนนี้เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง แถมมีลูกเป็นฮองเฮาอีก ยิ่งพาวไปกันใหญ่ คนๆนี้จะคอยขับเคี่ยวกับเปาบุ้นจิ้นในหลายๆตอนเลยทีเดียว ถือว่าเป็นตัวโกงที่ช่วยทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นคลั่กยิ่งขึ้น

8.ฮ่องเต้

หนึ่งเดียวแห่งแผ่นดิน ซึ่งถ้าจะมองไปแล้วก็ถือว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่ง เสียทีชอบโชว์ความเขลา (จริงๆบางตอนก็มีแอบฉลาดแอบพริ้วเหมือนกัน เป็นธรรมดาของผู้ที่ได้รับการอบรมมาดี) ในหลายๆตอนก็มักจะเข้ามามีบทบาท เพราะบางคดีเกี่ยวพันกับราชสำนัก ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญทีเดียว


9.ไป๋อี้ถัง

เป็นน้องคนสุดในบรรดาพี่น้อง “ห้าหนู” จะโผล่มามีบทแจมเป็นระยะ ฉายาในยุทธภพก็คือหนูขนทอง วรยุทธ์นี่ถือกับสูสีกับจั่นเจาเลยทีเดียว แต่ก็เป็นอีกคนที่ชอบแสดงว่าเขลาในหลายๆเรื่อง นั่นก็เพราะว่ามีอคติกับจั่นเจามากมายนั่นเอง ไม่รู้ว่าคนนี้จะได้ออกมาอีกเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ ตอน "ห้าหนูคะนองกรุง" ซึ่งเป็นตอนท้ายๆของซีรี่ย์เราได้เจอไป๋อี้ถังอีกแน่ อิอิ


การแนะนำตัวละครของผมอาจจะมีตกหล่นมาก ถ้าหากผมหลงลืมใครเชิญแนะนำมาได้เลยครับ จะได้เป็นการให้ข้อมูลกับผู้ที่ติดตามทั้งหลายเพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสการชมให้สนุกยิ่งขึ้น

ประเด็นสุดท้ายที่อยากจะพูดเกี่ยวกับละครชุดนี้ก็คือข้อคิดทีได้จากมันครับ ผมว่าเป็นละครที่สอนคนได้ดีทีเดียว น้องๆ ควรจะดูเป็นอย่างยิ่ง เปาบุ้นจิ้นถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของคนจริง ที่ทำงานตรงไปตรงมา รักความยุติธรรม ไม่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว (ไม่เหมือนนักการเมืองหลายคน) นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นการสืบสวนสอบสวนของชาวคณะศาลไคฟงที่ล้วนทำงานเป็นทีม ลำพังท่านเปาเองคงทำไม่ได้ขนาดนี้หรอกครับ แต่ที่ท่านเปาไขคดีหลายๆคดีได้ก็เพราะรู้จักใช้คน มีทีมเวิร์ค ไม่ใช่สืบสวนมั่วๆนะ แต่ใช้หลักการเหตุผล อาจจะมีผีสาง เทวดามาแซมบ้างก็คงเป็นธรรมดาสำหรับหนังจีนที่ต้องมีกลิ่นอายความลึกลับ ซึ่งตรงจุดนี้ดูแล้วก็อย่าคิดมากครับ ผมว่าข้อคิดหลักของเรื่องคงเป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้นมากกว่า

สุดท้ายนี้ก็ขอประชาสัมพันธ์นะครับว่า เปาบุ้นจิ้นมีทุก จันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.30 -17.30 น. เรียนหนังสือทำงานเสร็จก็รีบกลับมาดูกันเน้อ จะได้มีเพื่อนช่วยแพล่มหน่อย ฮ่าๆ

สำหรับตอนนี้ข้าน้อยคงต้องขอลา........

เลิกศาล !!
(ปัง!!)

ปล.

ใครอยากได้เพลง title หรือ end title ของละครเรื่องนี้ติดต่อผมผ่านมาทางอีเมลได้เลยนะครับพร้อมจัดให้ หรือใครอยากจะดู mv เพลง end title ก็เชิญตาม link นี่ได้เลยครับ