Monday, October 17, 2005

ขอยีสต์ด้วยคน!!!

ตอนนี้ป่วยมาได้สองสามวันแล้วครับ……ตรัสรู้เลยว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐแท้

แต่เวลาป่วยก็ดีอย่างครับมันทำให้เราต้องนอนแอ้งแม้งอยู่เฉยๆ บางทีนอนเยอะๆมันก็เบื่อครับเลยต้องหาหนังสือมาบรรเทาความเบื่อเสียหน่อย เลยไปหยิบเอา”โลกนี้มันช่างยีสต์” ของคุณท่านแทนไท ประเสริฐกุลมา อืม……อ่านไปได้แต่คิดในใจว่า อ้ายนี่มันช่างยีสต์จริง

ประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้ครับ ผมอ่านหนังสือของพี่แก โอเค มันเป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งเลยทีเดยว ให้รอยยิ้มกับคนอ่าน ให้ข้อคิดดีๆอะไรต่อมิอะไรตั้งเยอะแยะ โดยเฉพาะคนที่อยากเป็นครูบาอาจารย์อย่างผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าได้ประโยชน์มากจริงๆ แต่ทว่า…..พออ่านเรื่องยีสต์ๆของพี่แกแล้ว ชีวิตผมก็เกิดเรื่องยีสต์ๆขึ้นทันที อะไรของมันวะ??

จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอกครับ แต่ก็อยากจะบ่นไปงั้นๆแหละ เรื่องมันก็เริ่มจากว่าตอนแรกไอ้ท่านเพื่อนของผมสองคนแม่งเสี้ยนสุราขนาดหนัก โทรมาหาผมตอนเอ่อ..เห็นจะเลยเที่ยงวันซักหน่อยได้ ซึ่งแม่งโทรมาผมก็รู้แล้วว่าจะมาใช้บ้านกูเป็นที่เสพสุราแหงมๆ คุยไปคุยมาผมเลยบอกไปว่า “กูไม่สบายมึงอย่ามาเลย” มันก็เลย “เออๆๆ กูไม่ไปละ” ไอ้เราก็คิดว่า เอ…..ดีเว้ยพวกแม่งว่าง่ายดี

วันทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไรครับ นอนสลับกับเล่นเนท ไปเรื่อยๆ จนมาถึงตอนเกือบๆจะค่ำก็มีไอ้เพื่อนอีกคนโทรมา (จริงๆแม่งเป็นรุ่นน้องสมัยที่เรียนมัธยมแต่แม่งปีนเกลียวกันทั้งแก๊งพวกแม่งไม่เคยเรียกกูพี่เล้ย แต่ก็เอาเหอะจะไปถือแม่งก็กระไรอยู่คบกันมาจนป่านนี้แล้ว)

“เห้ยๆๆ วันนี้วันเกิดไอ้เอ็กส์มัน ออกมาหน่อย เนี่ยๆร้านเพลินจิตตรงบ้านมึงเนี่ย”
ไอ้เราก็ เอ่อ….”กูไม่สบายอยู่ว่ะไว้วันหลังละกันนะ”
พี่แกก็ทำประมาณว่า “โหยๆ ซึ้งหวะๆ แม่ง”

ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่คิดในใจว่า แม่งจะอะไรกันนักกันหนาวะมึงไม่เคยเจ็บไม่เคยไข้กันรึไง ก็เลยบอกไปแบบจำใจว่า

“เออๆๆ ดูก่อนนะ” (จริงๆไอ้คำว่าดูก่อนถ้าใช้กับเพื่อนเนี่ยรู้ได้เลยกว่ากว่าร้อยละ90แม่งเบี้ยวแน่)

พอค่ำๆไม่รู้ผีตนใดเข้าสิงผมก็ไม่ทราบ(หรือจะเป็นผีแทนไทฯ) ผมโทรหาเพื่อนที่ชวนผมตอนแรกก่อน อารามประมาณว่าสงสารพวกมันจริงๆไม่มาแด๊กเหล้าบ้านกูแล้วพวกมันจะซัดเพนจรไปร่ำสุราที่ไหนกัน โทรหาเสร็จสรรพปุ๊บก็เลยบอกมันว่ากูจะไปหาละกันแต่มิสามารถแตะต้องสุราได้

อืม….ไหนๆจะออกจากบ้านก็เลยโทรหาเพื่อนอีกคนที่โทรมาบอกว่า “เออๆ กูเปลี่ยนใจแล้ว พวกมึงถึงร้านแล้วโทรมานะ” (ไม่ใช่อะไรหรอกครับพอพวกมันโทรมาผมจะได้ผละจากเพื่อนอีกคนได้ง่ายหน่อย แหะๆ)

ก็ออกไปหาไอ้พวกกลุ่มแรกเสร็จ นั่งคุยนั่งเฮฮาไปตามอัตภาพ พอซักสามทุ่มหน่อยๆ(จริงๆพวกแม่งนัดผมสองทุ่ม)ได้มั๊งก็ลองโทรหาเพื่อนอีกพวกนึงดู

“เห้ย มึงอยู่ไหนแล้ววะ”
“เอ้อ เนี่ยจะเข้าร้านแล้วตรงเนี้ย”
“เออๆๆ กูออกไปละ เจอกันๆ”

ร่ำลาพวกแรกเสร็จออกไปหาอีกพวกหนึ่ง เอารถไปจอดปุ๊บเดินไปที่ร้าน เอ…….วันนี้มันแปลกๆแฮะ เสียงเพลงก็ไม่มี มืดก็มืด พอเดินมาใกล้ๆ โอวววว….แม่งคลุมร้านหมดทุกทิศทุกทาง อะไรฟะเนี่ย แบบนี้ร้านแม่งปิดแน่นอน เด็กห้าขวบยังรู้ แต่ไม่เป็นไร ร้านปิดผมมีทางลับครับ (อย่างว่าแด๊กร้านนี้แม่งประจำ ถึงคลุมร้านกูก็ไม่หวั่น)

เดินเข้าไปเจอพี่ที่ร้าน

“พี่ๆ ร้านปิดหรอ”

พี่แม่งก็อารมณ์งงๆ ประมาณว่ามึงไม่เห็นรึว่าร้านปิดอยู่เดินเข้ามาถามเฉยเลย แต่ก็ตอบกลับมาว่า

“ปิดครับน้อง แต่ถ้าน้องจะมานั่งก็นั่งได้นะ”

เอาละไง สรุปมันปิดหรือไม่ปิดวะเนี่ย ผมเลย อืม….โทรหาเพื่อนก่อนดีกว่า

“เห้ย พวกมึงอยู่ไหนกันวะ”
“เนี่ยๆ ตรงร้านละ กำลังขับรถเข้าร้าน”

เจริญ!! ไม่มีหมาซักตัวครับท่าน มีผมคนเดียว แม่งจะถึงตั้งกะตอนโน้นแล้วแม่งไม่ถึงซะทีมันไปขับรถวนอ้อมโลกที่ไหนวะ มันน่ายีสต์แตกจริง(ขอเลียนแบบคุณแทนไทหน่อยละกัน)

ตอนเดินออกมารอพวกแม่งนอกร้านก็คุยกับพี่ที่ร้านอีกครับ ได้ใจความว่า พอดีพรุ่งวันออกพรรษาเค้าก็เลยอยากหยุดควบสองวันไปเลย แต่ถ้าน้องๆอยากกินกันแรงกล้าขนาดนั้นก็มานั่งมากินได้ตามปกติ

อืม……พี่นี่ยอดคนจริงๆ ต้อนรับขับสู้นักดื่มทุกสถานการณ์ โอสสสส (หวังว่าคุณแทนไทคงไม่จดลิขสิทธิ์คำๆนี้นะครับ เพราะมันสามารถหาได้ในการ์ตูนญี่ปุ่นทั่วไป)

รออีกเกือบสิบนาทีได้กว่าแม่งจะมา คุยไปคุยมาพวกมันจะไปร้านอื่นกัน แต่ผมไม่เอาด้วยหละ บอกทักทายเจ้าของวันเกิดเสร็จผมก็เลยกลับบ้าน เพราะเกรงว่าสุขภาพจะไม่อำนวย อีกทั้งตะกี้ก็ยีสต์แตกไปแล้ว กลัวมันจะไปกระทบกระเทือนสุภาพมากไปกว่านี้

กลับมาก็เปิดคอม up blog ก่อนเลยครับ จริงๆกะไว้ว่าจะพยายามใช้ blog นี้นำเสนอเรื่องราวชีวิตประจำวัน บางวันก็แนมๆสาระเสียหน่อย แต่รู้สึกว่า ไปๆมาๆ สาระจะหาไม่ค่อยได้แฮะ

ชีวิตคนเรามันก็แบบเนี้ยแหละครับ ผมว่าความไร้สาระมันก็คือหนึ่งในสาระของชีวิตคนเรา ไม่ว่าคนอื่นจะมองแบบไหนแต่สำหรับแล้ว ความไร้สาระมันสามารถมาเติมเต็มชีวิตของผมได้ครับใครมันจะมีชีวิตแบบมีสาระร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ช่างเค้าเถิด แต่เป็นผมคงคลั่งตายแน่นอน

แต่ระหว่างที่ up blog อยู่ก็ได้ยินเสียงท่านแม่แว่วบ่นมาว่า “บอยเอ้ย…เมื่อไหร่จะอ่านหนังสือลูก ทีซีส น่ะเริ่มทำได้แล้วนะลูก เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน ฯลฯ” อืม….จริงๆก็คิดไว้นานแล้วล่ะครับว่าควรจะเริ่มทำซึ่งเห็นทีต้องจริงจังกับมันเสียที ไม่งั้นชีวิตและความฝันน้อยๆของกระผมคงมลายหายวับไปแน่นอน

คาดว่าตอนหน้า (ถ้าขยันหน่อยก็คงจะพรุ่งนี้) คงจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ของผมนะครับใครสนใจก็มาอ่านกันได้เลย ส่วนเรื่องยีสต์ๆ ก็ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวพอครับ หนังสือพี่แทนไทฯ นี่ทำผมอินจริงๆ เลยขอยีสต์กับเค้าซะหน่อย 5 5 5

แล้วไว้พบกันใหม่ครับ

ป.ล.
ใครยังไม่ได้อ่าน “โลกนี้มันช่างยีสต์” ได้โปรดไปหามาอ่านซะ ผมไม่รู้จะนิยมหนังสือพี่แกยังไงดีเอาเป็นว่า หนังสือแหวกๆแบบนี้หวังว่าคงมีเล่มดียวในโลกนะ ก๊ากๆ

18 comments:

Anonymous said...
This comment has been removed by a blog administrator.
Anonymous said...

พี่กรูทำไปได้เด้วจะโดนกรูยีสต์นะ ระวังไว้กวนยีสต์จิงๆๆนะพี่กรูเนี่ย น้องบ่าย

Anonymous said...

โลกที่บรรยายมานี้มันช่าง NoRจริงๆ

Gelgloog said...

เอ่อ...อ้ายนณัฐเอ๋ย ที่เปิด blog นี่ก็เพื่อที่จะเผยแพร่ความคิดของกูและผองเพื่อน

ดังนั้นถ้ามึงอยากจะเขียนบทความมาลง ได้เลยนะตามสบายพิมมาให้กูซะ แล้วจะเอาลงให้

จริงๆตอนนี้กูคิดบทความตะหงิดๆในหัวได้เรื่องนึงละ เกี่ยวกับปลาดิบหวะ (ช่างสรรหาจริงๆกู)แต่ขอไปหาข้อมูลก่อน บทความมันจะได้ปึ้กๆ เพราะกูเล่นเขียนซะยีสต์มาสองสามตอนจู่ๆโผล่ไปวิชาการเลย เดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องเค้าจะตกเก้าอี้เอา

แวะมาเยี่ยม blog กูบ่อยๆนะ

Anonymous said...
This comment has been removed by a blog administrator.
Anonymous said...

เหล้าๆๆๆๆๆๆๆๆ

Anonymous said...

คนเม้นท์ให้เยอะจริงๆ ใช้บ่อยจังนะคำว่ายีสต์อ่ะพี่นอ ยังไม่ได้อ่านแปลไม่ออก หึหึหึ มีคนเคยบอกว่ากินเหล้าเยอะๆ แก้หวัดได้ ไม่รู้จริงป่าว แต่อยากลองจัง

Anonymous said...

ผมล่ะมึนกับโลก ยีสต์ ยีสต์ ของคุณ gelgloog ซะจริงๆ อ่านแล้วจะยีสต์ตามให้ได้ ยังดีที่ไม่รู้ว่ายีสต์ๆทำกันยังไง ไม่งั้นผมอาจจะยีสต์แตกก็ได้ (ใช้กันอย่างนี้ได้รึเปล่าวะ ไอ้ยีสต์ของคุณ gelgloog เนี่ย)

Gelgloog said...

อืม....สำหรับผมไม่อยากจะไปยัดเยียดคำนิยามที่เบ็ดเสร็จให้กับคำว่า "ยิสต์" ของคุณแทนไทเค้านะครับ

ผมว่าคำๆนี้มันคงจะมีเสน่ห์มากกว่าถ้าเราจะปล่อยให้มันฉงนไปแบบนั้นแหละครับ ปล่อยมันให้แม่งยีสต์ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปอะไรกับมันมาก

แต่กระแสเรียกร้องอยากรู้เยอะเหลือเกินว่า "ยีสต์" คืออะไร อืม...ต้องไปหาอ่านเอาครับ แต่ถ้าถามผม มันก็เป็นเหมือนคำที่ใช้แสดงอารมณ์อะไรบางอย่างซึ่งความหมายของคำๆนี้มันไม่ตายตัวครับ หากแต่แม่งลื่นไหลไปตามสถานการณ์และบริบทของผู้พูด

จะโมโหโกรธา จะวีนแตกก็ยีสต์ได้
จะเศร้าเสียใจ ว้าเหว่ เปลี่ยวเอกา ก็ยีสต์ได้
จะสรวลเส เฮฮา ปาร์ตี้ ก็ยีสต์ได้

ขอให้ความยีสต์จงอยู่แก่ทุกท่านเทอญ....

ป.ล.
ว่าจะเลิกแล้วนะเนี่ยไอ้ยีสต์ๆเนี่ย ท่าทางจะติดใจแม่งซะแล้ว เลิกยากแฮะ อิอิ

Anonymous said...

สาระดีที่พี่บอยจริงๆ นะคะติดตามค่ะ ก้ยังงอยู่ดีนะคะ **...ยีสต์** แล้วโชคดีสำลีแปะหัวเนี่ย.หมายความว่า+555 งั้นยีสต์พี่บอย นะคะ ขอบคุณค่ะสำหรับความ ช่วยเหลือม้ากมากค่ะ linkไว้เช่นกันค่ะ

Anonymous said...

อ่านแร้วขำดีคะ
เฮฮาไปกะโลกยีสต์ๆ

Anonymous said...

ยีสสสต์~~


เด๋วปายหามาอ่านก่องส์,,แร๊วเด๋วจามาอินด้วยคน


ยีสต์ไม่ยีสต์เด๋วนู๋แวะมาบอกเน้ออออ...


to be continues...

Anonymous said...

มันช่างยีสต์จิงๆ เพื่อนบอย ฮาอุจจาระแตกอจจาระแตนครับ ถึงไม่มีใครฮากูก็พร้อมจะฮาทุกเมื่ออยู่แล้วว่ะ

Anonymous said...

กรูดูรายการตี 10 อยากไปลองเก็บ ศพบ้างหวะ เมิงไปก่ะกรูมะ ^^ อิอิ

Anonymous said...

ต้องหามาอ่านบ้างละ ถ้าทางจะ "ยีสต์" จริงๆ

(ยีสต์ ในหนังสือแปลว่าไรอะพี่นอ เห็นเค้ายีสต์กันเลยเอามั่ง)
คุณ แทนไท รวยแน่ๆ งานนี้ อิอิ

Anonymous said...

โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

กว่าจาเข้ามาเม้นด้าย

แล้วยีสมานคือรายอ่า

ยางม่ายเข้าใจเลย

Anonymous said...

กูพึ่งจะได้เข้ามาอ่าน blogของมึงก็วันนี้แห
ละ จั่วหัวกับข้อความข้างในยังไม่ตรงประเด็ฯเท่าไร(ตามความคิดกูนะ)

Anonymous said...

บี๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูจะมาบอกว่ากูเข้ามาอ่านแล้ว