Thursday, September 28, 2006

รัฐประหาร

สำหรับตอนนี้ผมขอใช้พื้นที่ประกาศจุดยืนทางการเมืองเสียหน่อย เพราะเดี๋ยวเกรงว่าทุกท่านจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่

สำหรับผมเองไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารด้วยเหตุผลประการใดทั้งปวง การที่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น มันก็ไม่ต่างกับการการโยนเนื้อเข้าปากเสือซักเท่าใด ดังนั้นแล้วการกระทำดังกล่าวมันจึงยังผลให้ประเทศชาติต้องแบกรับ "ความเสี่ยง" เป็นมูลค่ามหาศาล

ในทางกลับกัน เมื่อย้อนไปดูระบอบทักษิณ แม้ว่าจะไม่มีการทำรัฐประหารอย่างเป็นรูปธรรม แต่ก็กลายๆ ว่าจะเป็นการรวมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้เช่นกัน ดังนั้นแล้ว มันก็เป็นการ "เสี่ยง" เหมือนกัน ที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปภายใต้กลไกดังกล่าว

ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องเลือก (โดยไม่มีทางเลือก) จึงทำให้สภาพการของผมเป็นไปในลักษณะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทางโน้นก็ไม่ ทางนี้ก็ไม่ แต่ก็โล่งในเปลาะหนึ่งที่การทำรัฐประหารที่ผ่านมายังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น

แต่อนาคตเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าคณะปฎิรูปฯ จะสามารถคงสภาพ "นิ่ง" อย่างที่เป็นอยู่ได้นานขนาดไหน หากต้องเผชิญกับกลุ่มที่ต่อต้านหรือไม่เห็นด้วย หากฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่เกิดสติขาดผึงขึ้นมา อันนี้ก็ตัวใครตัวมันแหละท่านเอ๋ย

นอกจากจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงแล้ว เรายังได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการทำรัฐประหารเกิดขึ้นอย่างทั่วหล้า ภาพที่ประชาชน พ่อ แม่ ลูกเด็กเล็กแดง แห่แหนกันไปถ่ายรูปกับทหารและรถถัง เด็กปีนป่ายเล่นกัน แถมมีแม่ยกไปให้พวงมาลัยพร้อมด้วยเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นภาพที่น่ารักยิ่งนัก

ผมว่าภาพนี้มันสามารถตีความได้สองประเด็น

ประเด็นแรกคงเป็นไปในทางที่คณะปฏิรูปฯ ต้องการให้เป็นก็คือแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ความเป็นโคตรสยามเมืองยิ้มของประเทศไทย ที่แม้ว่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น แต่ประชาชนก็ยังอยู่ด้วยรอยยิ้มสดใสได้ อีกทั้งยังไม่มีความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น ในแง่นี้ถ้ามองในแง่เศรษฐกิจแล้ว ถือว่าส่งผลต่อทิศทางของนักลงทุน (ทั้งไทยและต่างชาติ) พอควรเลย เพราะหลายๆคนเชื่อว่าก่อนหน้าจะมีการปฏิวัติการเมืองค่อนข้างลุ่มๆ ดอนๆ เพราะมีหลายฝ่ายตะเบงใส่กันเหลือเกิน ซึ่งจะแลไปแล้วมันเป็นภาพที่ดูไม่นิ่งนัก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการหลังทำปฏิวัติ ที่ขาตะเบงทั้งหลายฝ่อลงไป การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเก่าออก อาจจะทำให้ภาพการเมืองเราดูนิ่งขึ้นไปกว่าเดิมก็ได้ (ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นมุมมองจากตัวผมเอง ผิดพลาดพลั้งอย่างไรก็ขออภัย และส่วนตัวผมยังเชื่อต่อไปว่า ตัวกำหนดเศรษฐกิจไม่จำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับพวกนักลงทุนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทำไงได้ ทุกวันนี้เราก็มักจะอ้างตัวนี้เป็นตัวหลักประจำ เอ้อ เลยขอตามน้ำหน่อย)

ในระยะสั้นเศรษฐกิจคงได้รับผลกระทบ (บ้าง)แต่ในระยะยาวถ้าหากคณะปฏิรูปฯ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่ประกาศไว้คิดว่าการแกว่งตัวทางเศรษฐกิจคงมีไม่มากนัก และคงไม่ห่างจากที่ผู้เชียวชาญได้คาดการณ์ไว้

ซึ่งในส่วนนี้ถ้าจะหาเหตุผลสนับสนุนว่าทำไมการทำรัฐประหารจึงเป็นไปได้อย่างเรียบร้อยนั้น ด้วยข้อมูลน้อยๆ และปัญญานิดๆ ของผมคิดว่า คงมาจากการวางแผนที่เฉียบขาดของหัวหน้าคณะปฏิรูปฯ ที่กระทำการเข้าตี (แบบซุ่มเงียบ) อย่างฉับไวรวดเร็วทันใจกว่า พิซซ่า ฮัท อีกทั้งนายกทักษิณในขณะนั้นอยู่ที่ต่างประเทศจึงเป็นการยากที่จะแก้มือได้อย่างทันท่วงที

อีกข้อที่สำคัญก็คือ กลุ่มผู้คนที่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองส่วนใหญ่คิดว่ามีใจที่ไม่เอนเอียงไปทางทักษิณเท่าใดนัก จึงเกิดอาการเจต่อต้านน้อย แต่อาการใจยังคงมีอยู่ (ฮา) ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่สงบเรียบร้อยขนาดนี้ แถมในใจลึกๆก็ไม่ค่อยจะเอนเอียงไปทางอดีตนายก ท่าทีของประชาชนจึงออกไปในทางที่จะสนับสนุนคณะปฏิรูปมากกว่าที่จะไปตะเบงต่อต้าน (ผมคิดว่ากลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกฯนั้นคงมีอยู่แน่ๆ แต่เชื่อว่ากลุ่มดังกล่าวมักจะอยู่นอกศูนย์กลางดังนั้นแล้วจึงค่อนข้างจะเป็นชายขอบพอสมควร ทำให้ขาดพลังในแง่ต่างๆ ที่จะแสดงถึงจุดยืนของตนเอง) อีกทั้งสังคมไทยเป็นสังคมที่ง่ายต่อการสยบให้กับอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากอำนาจนั้นผ่านกระบวนการให้ดูมีความศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่ พี่ไทยเราก็ยิ่งสยบต่อมันได้ง่ายเท่านั้น ผลสรุปจึงเห็นเป็นภาพที่เราพบเจอตามสื่ออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ประเด็นที่สองออกจะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายเสียหน่อย นั่นก็คือสังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ค่อยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เสียเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ก็คือเราไม่รู้จักเข็ดว่างั้น ภาพที่ออกมานอกจากจะแสดงภาพลักษณ์ความเป็นสยามเมืองยิ้มอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ยังแสดงถึงความไม่ยินดียินร้ายต่อการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ ใครจะมาก็ให้เค้ามาเถิด ปฏิวัติแล้วนิ ทักษิณไปแล้วนิ คงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง ใช้ชีวิตแบบชิวชิวได้เลย เย้

สำหรับคิดว่าเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว เราคงไม่สามารถจะปล่อยให้มันแล้วไปเฉยๆได้ และผมไม่เห็นด้วยกับการที่คณะปฏิรูปฯ ออกประกาศห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ผมคิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองสำหรับกลุ่มการเมืองใดๆ เป็นสิ่งที่ควรจะทำเนินต่อไป และคณะปฎิรูปฯ ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะตอบโต้ด้วยความรุนแรง ภาพที่ผมอยากเห็นก็คือการนำกลุ่มการเคลื่อนไหวต่างๆ เข้ามาคุยกันอย่างเปิดอก ตรงไปตรงมา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน การที่ประกาศว่าให้ดำรงกลุ่มการเมืองไว้แต่ไม่มีการให้เคลื่อนไหวเนี่ยผมว่าฟังยังไงก็ไม่ขึ้น

ส่วนเรื่องกลุ่มทุนใหม่ไปกลุ่มทุนเก่ามา ตรงนี้ผมไม่ขอวิเคราะห์ต่อ เพราะต้องพูดอย่างละอายเลยว่าเป็นคนติดตามการเมืองน้อย จึงไม่อยากออกความเห็นในประเด็นนี้นัก แต่เห็นด้วยกับคุณ เมฆาเลยว่าการที่อดีตนายกไปแล้วใช่ว่าปัญหาทุกอย่างจะหายแว้บไป ปัญหาที่เราเผชิญมันใหญ่กว่านั้นมากนัก มากกว่าการที่จะไล่คนๆเดียว (หรือทั้งกลุ่ม) ออกไปแล้วจะแก้ไขปัญหาได้หมด

และอยากจะฝากถึงป้าๆ ทั้งหลายว่าอย่าพึ่งเห่อทหารกันเกินไปนัก วันไหนอารมณ์แปรปรวนขึ้นมาแล้วขี้คร้านจะหอบลิโพหนีไม่ทัน (อันนี้แซวเล่นนะครับ อิอิ) โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าท้ายที่สุดถ้าคณะปฏิรูปยอมทำตามที่ได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก บ้านเมืองคงจะไปสู่ความสงบโดยเร็ว ผมเองไม่หวังอะไรมากนอกจากเห็นบ้านเมืองสงบ ผู้คนอยู่เป็นสุข มีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า (โดยที่ไม่ได้ยิ้มถ่ายรูปคู่กับรถถังนะ เสียวหวะ)


11 comments:

Anonymous said...

ส่วนผมก็มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะครับ

โดยรวมแล้ว ผมว่าเป็นการดีที่เกิดการปฎิวัติขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้ระบบเดิมที่ผมไม่ชอบสิ้นสุดลง

แต่บางเรื่องที่คณะปฎิรูปฯ ทำ ผมก็ว่าแปลกๆ อยู่ เช่นการห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ดูๆ แล้ว เหมือนเจตนาเค้าไม่ดียังไงไม่รู้

แต่เอาเป็นว่า ผมอยู่นิ่งๆ แบบเดิมดีกว่า ไม่ค่อยสนใจอะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

ปล. ยังไม่ได้ไปถ่ายรูปกับรถถังเลยครับ

Gelgloog said...

ครับ

ต่างคนต่างความคิด ผมเข้าใจอารมณ์พี่ริวได้พอควรเลยทีเดียว เพราะไม่ต้องไปไหนไกล พ่อผมก็อารมณ์แบบนี้เหมือนกัน อิอิ

Anonymous said...

ขอเมนต์ด้วยคร๊า...
พี่เขียนไรอ่ะ
อ่านแล้วหายปวดหัวเลย อิอิ

ตอนเหงตอนแรกอ่ะหมั่นไส้มากคร๊าเหมือนการเมืองไทยเล่นละครอะไรกันอีกเนี่ย
ช่วงมีข่าวการเมืองนู๋ก็เปงคนนึงที่ไม่ได้ติดตามเท่าไหร่อ่ะ
แต่เหงแล้วมันไงไม่รู้อ่ะ
นู๋ก้ไม่เชียร์อดีตนายกนะ
แต่เหมือนพวกคณะปฏิรูปทำตัวเหมือนหุ่นเชิดเลย เอิ๊ก ๆ
ตอบคำถามก็ไม่ตรงกับคำถามเลย
แปลก ๆ ดีค่ะ คิดเอง(รึป่าว)ปกิรูปแล้วดูเหมือนไปต่อไม่ได้ถึงตอนนี้เค้าจะดำเนินการอยู่ก็เหอะ

ประเทศกำลังพัฒนาพึ่งพาเศรษฐกิจ
ทำแบบเนี้ยมันจะดีขึ้นจิงหยอ

ถ้าเศรษฐกิจจะดีขึ้น นุ๋ว่ามันเพราะสนามบินนะ(ถึงข่าวฉาวจะบ่อย) มันเปงทางเดียวอ่ะ ที่คงพอทำรายได้(นู๋ไม่เก่งเรื่องคาดการณ์นะ เดาเอาค่ะ)
ตอนนี้หุ้นไทยก้ยังไม่ถึงหนึ่งจุดอยู่ดี
ข่าวแรงกว่าอีกที่ว่าจะดีขึ้น
ถ้ารอให้คณะปฏิรุปมานั่งบริหารคงไม่ไหว
แล้วการที่จะมาแต่งตั้งใครแบบเนี๊ยะอ่ะ เข้าใจสถานการณ์อยู่นะค่ะ
แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วจะมีคนใหม่ให้เลือกหรอ
เปงประชาธิปไตยตรงไหนอ่ะ

สื่อให้ข่าวไม่ถูกหรือไม่ยอมให้สือ่เปิดข่าวกันแน่อ่ะ

อดีตนายกก็ได้พักผ่อนสบายไปเรย หุหุ


การเมืองก็เหมือนโรงละครแห่งใหญ่เท่านั้นอ่ะค่ะ หุหุ

แต่ปากท้องประชาชนสิค่ะ มันต้องกินต้องอยุ่กันจิง ๆ

นู๋เชื่ออย่างนึงค่ะ ปัญหาไม่จบแค่นี้แน่ ๆ หึหึ

พอแค่นี้ก่องดีกว่า***
เด๋ววันหลังไม่ได้เข้ามาอ่านเว็บนี้อีก อิอิ

Pz. แสดงความคิดเห็นเฉย ๆ นะ ถึงจะไม่ได้ช่วยพัฒนาชาติกะเค้าอ่ะ

Anonymous said...

ขณะที่มีรัฐประหาร ผู้เขียนกำลังอยู่ในช่วงเข้าประชุมสหภาพวิทยาศาสตร์สากลเรื่อง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์ในต่างประเทศ 1.ปฏิกิริยาแรกของนักวิจัยต่างชาติก็คือ ต่างเข้ามาจับมือแสดงความเสียใจกับนักวิจัยจากเมืองไทย พร้อมทั้งให้กำลังใจว่าคงไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อ สรุปได้ว่าต่างชาติเขาเห็นว่าประเทศไทยได้สูญเสียระบบรัฐธรรมนูญอันมีค่ายิ่ง

2.โทรศัพท์จากเมืองไทยคนแรก เป็นสุ้มเสียงดีอกดีใจว่า "จะได้หมดอำนาจบาตรใหญ่กันเสียที ทีนี้ก็หวังว่าทหารจะมาช่วยเก็บกวาดบ้านเมืองให้เรียบร้อย" เมื่อถามว่ารู้ได้ไงว่าอำนาจใหม่จะไม่ "หญ่าย" กว่าอำนาจเก่า เสียงโทรศัพท์ก็แถมค้อนวงใหญ่ตามมาด้วยว่า "ไม่รู้ละ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน มันตันไปหมดแล้ว ถึงเลือกตั้งมาใหม่เดือนหน้าก็จะเกิดสลากกินรวบเหมือนเดิม"

3.พอย่างขึ้นลิมูซีน คนขับรถแสดงทีท่าอึดอัดกับคณะปฏิรูปฯ แถมไปพาลสนธิ (ล.) ว่าแหมทีอย่างนี้ไม่เห็นมาประท้วงสนธิ (บ.) เลย เอฟังดูแล้วไม่รู้ว่าเข้าใจอะไรแค่ไหน ถามไปถามมาปรากฏว่าอยากได้นายกฯทักษิณ เพราะกลัวเศรษฐกิจตกสะเก็ด แม้ผู้เขียนจะปลอบว่าเรื่องเศรษฐกิจตกสะเก็ดต้องทำใจอยู่แล้วต่อให้เป็นซือแป๋ของทักษิณมาแก้ก็เถอะคงแก้ไม่ได้ ราคาน้ำมันขนาดนี้ ระเบิดลงปักษ์ใต้ขนาดนี้ เศรษฐกิจก็ต้องซบเซาเป็นธรรมดา ความกระทบกระเทือนจากการรัฐประหารคงมีแค่ระยะแรกๆ เท่านั้น ถึงกระนั้นก็ยังฮึดฮัดอยู่เพราะกลัวการท่องเที่ยวจะซบเซา

4.อีกหลายคนต่อไปที่พบเป็นนักกฎหมาย เสียดายกระบวนการประชาธิปไตยที่เราประคับประคองอย่างต่อเนื่องมา 15 ปี การรัฐประหารคราวนี้ ทำให้เราเดินถอยหลังไปอีก อดีตนายกฯ ได้สร้าง "โจทย์ยาก" ให้เราช่วยกันแก้ ถ้าเราได้มีโอกาสร่วมกันแก้จนสำเร็จ สังคมไทยก็จะก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง น่าเสียดายที่เราสูญเสียโอกาสของการแก้ไขให้ถึงที่สุด เสียดายที่สถาบันตุลาการอุตส่าห์เข้ามาช่วยหาทางออกให้ยังเดินไปไม่สุดก็มาสะดุดเสียก่อน อำนาจที่ล้มล้างด้วยอำนาจที่มีอาวุธสนับสนุน ไม่ได้ช่วยสนับสนุนอำนาจจากปวงชนแต่อย่างใด แต่เอาเถอะไหนๆ ก็ปฏิรูปแล้ว มาร่วมกันแก้ไขปัญหาวันข้างหน้าให้ดีขึ้นดีกว่า

5.ถัดมาเป็นแท็กซี่เพราะชีวิตผู้เขียนต้องพบคนขับแท็กซี่หลายคนต่อวัน แท็กซี่คนนี้บอกว่า "มันดีพี่ มันต้องแบบนี้ รถคันนี้ผมผ่อนเอง ผมไม่ใช่พวกใคร ทหารแน่จริงต้องฟ้องยึดทรัพย์มันทุกรัฐมนตรีเลยนะพี่" แล้วก็ตบท้ายว่า "เอ...ว่าแต่ว่า สิงคโปร์นี้มีใครอยู่ที่นั่น ใครๆ ในกลุ่มรัฐบาลเก่าถึงต้องวิ่งไปสิงคโปร์ก่อนนะพี่" 6.ส่วนแม่ค้าส้มตำโวยวายว่า "โฮ้ยอะไรกันนักกันหนา จะถามทำไม ไม่เข้าใจ ใครก็ได้แต่ขอให้จัดการยาบ้าให้ได้ก็แล้วกัน...ขอแค่นี้แหละ"

7.อีกหลายเสียงด้านผู้ประกอบการสะกิดมาว่า ห่วงเรื่องการจัดการเศรษฐกิจมากกว่า เพราะเห็นว่าไม่มีการเสียเลือดเนื้อก็เลยยอมรับการรัฐประหารได้ บางคนก็ว่าดีเหมือนกันจะได้คัดคนดีๆ มาเป็นนายกฯชั่วคราวขืนปล่อยให้พวกพรรคขาดประสบการณ์เข้ามาบริหารจัดการ เดี๋ยวก็เละตุ้มเป๊ะกันหมด ไหนจะสุวรรณภูมิ ไหนจะพืชสวนโลก ไหนจะการท่องเที่ยว ข้อสำคัญ อยากให้ทหารลงไปแก้ปัญหาภาคใต้โดยเร็ว (ใครรู้ตัวว่าอยู่ในพรรคขาดประสบการณ์ก็ให้ใช้ช่วงเว้นวรรครีบไปสร้างประสบการณ์เสียโดยเร็ว)

8.อีกกลุ่มหนึ่งที่ใจร้อนเห็นว่า ทหารควรรีบคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วไม่ต้องคอย 1 ปีเพื่อวางรัฐธรรมนูญใหม่หรอก ให้ กกต.ที่มีอยู่แล้วรีบเลือกตั้งภายใน 2-3 เดือนแล้วให้รัฐบาลใหม่ไปร่างกันเองวันหลัง ขอเพียงจัดระเบียบและเลือกตั้งกรรมการใหม่ขององค์กรอิสระที่กำกับรัฐให้มีความโปร่งใสและยุติธรรมก็พอ

9.ส่วนชมรมคนรักจริงเกลียดจังนั้น เต้นแร้งเต้นกาเป็นที่เอิกเกริก แม้จะถูกทักว่าการลดบทบาทของคนคนเดียวแลกกับระบอบประชาธิปไตยจะคุ้มอะไร กลุ่มนี้ก็ตอบว่า เรื่องอะไรจะลดบทบาทคนเดียว ต้องลากไส้ทั้งตระกูล ทั้งคณะรัฐมนตรี ตรวจสอบทรัพย์สินทุกคนไม่มีเว้น เช็คบิลทุกกระทรวง จับคนโกงเข้าคุกให้หมด รวมทั้งข้าราชการที่ไปสมรู้ร่วมคิด แฮะ แฮะ เพียงกลุ่มนี้ฟังแล้วเหมือนพันธมิตรกู้ชาติยังไงอยู่

10.กลุ่มสังคมเข้มแข็งที่มีความสุขุมคัมภีรภาพกว่าเป็นกลุ่มที่เห็นด้วยกับการล้มระบอบทักษิณ ไม่ใช่แค่นายกฯทักษิณ โดยมีนิยามระบบทักษิณตามอาจารย์นิธิว่า ระบอบทักษิณ อำนาจนิยมสุดโต่งบวกทุนนิยมสุดโต่ง เห็นว่ารัฐประหารไม่ได้ล้มระบบทักษิณ งานล้มระบบนี้ ไม่ใช่งานของทหาร เป็นงานของพลเมืองดีทุกคน เป็นงานที่ต้องสื่อสารให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง การเมืองไทยเป็นกระจกสะท้อนสังคมไทย ถ้าการรัฐประหารเป็นเพียงเอาผ้ามาคลุมกระจก พอดึงผ้าออกก็คงเหมือนเดิมอีก หรือเปรียบได้ว่าการรัฐประหารก็เหมือนยาปฏิชีวนะ เพราะมันฆ่าเชื้อโรคไปพร้อมๆ กับภูมิคุ้มกันของเรา ยาปฏิชีวนะนี้กินติดต่อยาวนานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น งานกระบวนการสังคมเข้มแข็งยังคงต้องเดินหน้าต่อไป คณะปฏิรูปฯ อาจช่วยล้มระบอบทักษิณได้ ถ้าหากรีบคืนอำนาจและเปิดช่องทางได้มีการดำเนินการกับผู้มีอำนาจเดิมตามครรลองของกฎหมาย

11.ที่น่าสนใจคือ วิทยุท้องถิ่นเชียงใหม่ อู้ภาษากำเมืองว่า ทหารจะเข้ามาช่วยให้สังคมเรียบร้อย เรื่องความขัดแย้งไม่มีหัวหน้าแล้วก็จะเลิกรากันไปเอง ชาวไร่ชาวนาไม่ได้คิดอะไรมากหรอก!

สรุปได้ว่า ชาวบ้านทั่วไปขอให้ทำมาหากินได้ไปวันๆ ไม่เดือดร้อน ใครจะมาจะไปก็ช่าง ขอให้ท้องอิ่มสนุกสบายสไตล์ไทยแลนด์ก็แล้วกัน ชาวบ้านที่มีผลประโยชน์ร่วมก็ต้องฮึดฮัดกันเป็นธรรมดา ส่วนใหญ่ก็รับได้กับรัฐประหารหากไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ส่วนเรื่องเสียดายประชาธิปไตยก็คงเสียดายอยู่ แต่ก็คงหันหน้ามาร่วมกันสร้างสังคมประชาธิปไตยกันใหม่ ที่สำคัญก็คือ ขอให้คณะปฏิรูปฯเปิดพื้นที่และช่องทางให้มีการบริหารของรัฐ มีความโปร่งใสยุติธรรม และกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเร็วที่สุด!!

Anonymous said...

ที่มา คอลัมน์ ดุลยภาพดุลยพินิจ นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10427 โดย มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด

Gelgloog said...

อืม แป้ง ซอปราโน่ ชื่อเท่ดีแฮะ อิอิ ขอบใจนะที่เข้ามาเยี่ยมพร้อมด้วยความเห็น

ส่วนนายคัส เอาบทความมาให้อ่านก็ขอขอบใจด้วยเช่นกัน ว่าแต่แล้วเอ็งคิดอ่านอย่างไรเล่า แจงมาซะ

Anonymous said...

อ่านแล้วก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะ คนไทยปรับตัวง่าย ขอให้ตนกินดีอยู่ดีไม่ว่าระบบไหน ก็ ok ทุกอย่างมันมีดีและไม่ดี

ประชาธิปไตยมันไม่ได้ดีไปหมด ผมค่อนข้างชอบสังคมนิยมในบางเรื่องด้วยซ้ำ (ไม่ช่เผด็จการนะ)

สำหรับการยึดอำนาจครั้งนี้ไม่กล้าตอบไม่ว่าดี หรือว่าดี คงต้องรอดุต่อไป

Unknown said...

สำหรับผม "รอดู" รัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร ครับ

Anonymous said...

เอาอีกแล้ว
เรื่องหนักหัวอีกแล้ว
แต่ตอนนี้น่าจะขี้คายแล้วมั้งคับ
ทหารเชียงใหม่ถอนกำลังแล้วนะขอรายงาน
ว่าแล้วก็บ้านเมืองจงสงบสุข ในหลวงจงทรงพระเจริญเทอญ

Anonymous said...

พวกทหารทำไมรัฐประหารได้ง่ายดายขนาดนี้ก๊าบว่าเพราะมันมีให้เลือกว่าจะมาจะอยู่ฝ่ายเปรมหรือทักษิณก็แค่เนี้ย คนนึงดนของในหลวงอีกคนนายกผลัดถิ่นถ้าเป็นก๊าบเลือกง๊ายง่าย ดีแล้วรัฐประหารดีกว่าทักษิณอยู่เป็นไหนๆๆอย่างน้อยก็เกิดในยุคเราได้เห็นไรดีๆๆอ่ะทักษิณออกไป ทักษิณออกไป ก๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

Anonymous said...

มาตามลิงค์ค่ะ (จากบอร์ดในเด็กดี อิอิ)

สนใจคณะเศรษฐศาสตร์อยู่เหมือนกันนะพี่
ตอนนี้มีตัวเลือกเยอะมาก ไม่รู้จะเลือกคณะไรดี
จะสอบอยู่แล้วเนี่ย
พี่จบเสดสาดจากไหนอ่ะคะ
แล้วพี่ว่าที่ไหนดีหรอ
ถ้าพี่ว่างพี่ช่วยตอบให้นู๋ด้วยนะคะ

PS.ไม่รู้จะเม้นไร ตั้งคำถามไปละกัน อิอิ ขอบคุณค่า